วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ต้องให้!ลูกระเบิดรอนนี่ซิวยอดเยี่ยมบุนเดส


รอนนี่ มิดฟิลด์ทีนหนักของแฮร์ธ่า เบอร์ลินได้รับการโหวตจากผู้อ่านของ"บิลด์"สื่อดังแดนเบียร์ให้ลูกยิงระเบิดในนัดที่ไล่ตีเสมอฮันโนเวอร์เป็นประตูที่สวยงามที่สุดแห่งครึ่งฤดูกาลแรก

บรรดาผู้อ่านในเว็บไซต์ "บิลด์" สื่อยักษ์ของเยอรมนีโหวตให้ลูกระเบิดของรอนนี่ กองกลางตัวรุกของหญิงชราแห่งเมืองหลวง รับรางวัลลูกยิงที่สวยงามหมดจดตลอด 17 นัดของครึ่งซีซั่นแรกบุนเดสลีกาอย่างเป็นเอกฉันท์ กับประตูที่ดาวเตะบราซิเลี่ยนคนนี้ซัดฟรีคิกเต็มทีนเตี่ยเกือบ 40 หลา ทำให้รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์ จอมเซฟของฮันโนเวอร์ทำได้เพียงแค่ป้องกันด้วยสายตาเท่านั้น ส่งผลให้แฮร์ธ่าบุกไปแบ่งแต้มจากฮันโนเวอร์ด้วยสกอร์เจ๊าแบบดุเดือด 1-1 

ลูกระเบิดของรอนนี่ กองกลางแฮร์ธ่าวัย 27 ปีคือประตูที่ได้รับการยกย่องให้เป็นประตูแห่งครึ่งฤดูกาลแรกจากประตูที่เขายิงฮันโนเวอร์ ในนัดที่ 8 ของบุนเดสลีกา โดยรอนนี่ซัดฟรีคิกเต็มเท้าไม่มีเบาไปวัดความแรงได้ 119 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นประตูตีเสมอฮันโนเวอร์ 1-1 นาที 78 ทำให้แฮร์ธ่าคว้า 1 แต้มกลับถิ่นได้สำเร็จ

มิชาเอล เพรตซ์ ผู้จัดการทีมแฮร์ธ่าวัย 46 ปีกล่าวยกย่องลูกยิงของรอนนี่ลูกนี้แบบยอมรับความจริงว่า"ลูกยิงลูกนี้ของรอนนี่ มันลูกระเบิดทำลายล้างชัดๆ "

ลูกระเบิดของรอนนี่ได้ประตูที่งามหยดในครึ่งซีซั่นแรก อันดับ 2 จากการโหวตของแฟนบอลได้แก่ลูกยิง 2-0 ของฟร้องค์ ริเบรี่ ปีกหน้าบากลีลาเด็ดของบาเยิร์นในเกมที่บุกชนะเอาก์สบวร์ก 2-0 และอันดับ 3 ได้แก่ลูกยิงสุดสวยของมาร์โก รอยส์ ทำให้ดอร์ทมุนด์นำโวล์ฟสบวร์กก่อนแพ้ 1-2 

"เชอร์วู้ด"ชี้การเตรียมทีมสำคัญกว่าคู่แข่ง


ทิม เชอร์วู้ดกุนซือคนใหม่ของ"ไก่เดือยทอง"ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ยืนยันว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับการเตรียมทีมมากกว่าเป็นกังวลเรื่องทีมคู่แข่ง
ยอดทีมแห่งกรุงลอนดอนมีโปรแกรมเปิดสนามไวท์ ฮาร์ท เลนต้อนรับการมาเยือนของเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนในเกมบ็อกซิ่ง เดย์คืนวันนี้

"ทุกเกมเป็นเกมที่ยาก"เชอร์วู้ดกล่าว

"ในตอนนี้พวกเขามีกุนซือรักษาการณ์และหวังว่าความไม่ชัดเจนในทีมของพวกเขาจะช่วยให้เราได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ"

"ทว่ามันเกี่ยวกับงานที่คุณต้องทำ หากคุณเป็นกังวลมากเกินไปเกี่ยวกับคู่แข่ง คุณก็จะเพิกเฉยต่อการเตรียมตัวของตนเอง"

"เรามีนักเตะที่ดีในสโมสรและหากเรานำมาประยุกต์ใช้ได้ดี,ให้นักเตะเล่นตามที่พวกเขาสามารถทำได้และใช้นักเตะที่เหมาะสมในพื้นที่ที่ถูกต้อง เราก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับทีมใดก็ได้ในลีก"

สาลิการะวัง!P$G เตรียมเดินหน้าซิว"กาบาย"วีคหน้า


"เปแอสเช"ปารีส แซงต์-แชร์กแมงเตรียมเดินหน้ายื่นข้อเสนอขอซื้อตัวโยฮัน กาบายมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสของ"สาลิกาดง"นิวคาสเซิลในสัปดาห์หน้านี้
ล กิ๊ป สื่อชื่อดังแดนน้ำหอมรายงานข่าวว่าปารีส แซงต์-แชร์กแมงกำลังวางเป้าหมายเซ็นสัญญากับกาบายในช่วงเปิดตลาดเดือนมกราคมนี้

กาบายตกเป็นเป้าหมายการเสริมทัพมูลค่า 10 ล้านปอนด์ของอาร์เซน่อลในซัมเมอร์ที่ผ่านมาและเจ้าตัวก็ปฏิเสธลงเล่นรวมถึงร่วมซ้อมกับทีมเพื่อหวังผลักดันการย้ายทีมในครั้งนั้น

อย่างไรก็ตามการย้ายทีมดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้นแต่โอกาสลุยศึกแชมเปี้ยนส์ ลีกกับปารีส แซงต์-แชร์กแมงน่าจะเป็นที่พอใจของดาวเตะวัย 27 ปีเพราะจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เขาสำหรับการเป็นตัวจริงให้ทีมชาติฝรั่งเศสลุยศึกฟุตบอลโลกที่บราซิล

ก่อนหน้านี้เพิ่งมีรายงานข่าวว่าออกมาว่านิวคาสเซิลได้ตั้งค่าตัวของกาบายเอาไว้สูงถึง 22 ล้านปอนด์แต่ค่าตัวดังกล่าวไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับทีมเงินถุงเงินถังอย่าง"เปแอสเช"

ตูเร่ยก"ตาหวาน"เหมือนเหี่ยว-อนาคตโค้ชเจ๋งสุดโลก


โคโล ตูเร่ปราการหลังจอมเก๋าของ"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลมองเห็นถึงความเหมือนกันของอาร์แซน เวนเกอร์ขงเบ้งเลือดน้ำหอมของ"ปืนใหญ่"อาร์เซน่อลและเบรนแดน รอดเจอร์สกุนซือตาหวานพร้อมยกย่องว่าในอนาคตจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุดของโลก

ปราการหลังทีมชาติไอวอรี่ โคสต์วัย 32 ปีเคยร่วมงานกับเวนเกอร์ที่อาร์เซน่อลก่อนจะย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้และมาอยู่กับลิเวอร์พูลเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา

"เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่และสำหรับผมแล้ว มิสเตอร์เวนเกอร์กับเบรนแดน รอดเจอร์สทีความละม้ายคล้ายคลึงกัน"ตูเร่กล่าว

"แนวทางที่เราฝึกซ้อมเหมือนกับแนวทางที่อาร์เซน่อล"

"มันมีแต่การเล่นกับบอลไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอลหรือเคลื่อนที่"

"สิ่งที่ผมพบเจอที่นี่ก็คือผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยม ผมคิดว่าเขาจะเป็นหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุดในโลก"

วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เรื่องมันเป็นเช่นนี้!'หนูแจ็ค'เผยเหตุแจกกล้วยเพราะลูกๆโดนดูถูก


แจ็ค วิลเชียร์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งของอาร์เซน่อลออกโรงทวิตยอมรับว่าการแจกกล้วยของเขาในเกมพ่ายแมนเชสเตอร์ ซิตี้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจริงแต่เผยด้วยว่าเหตุผลที่ทำลงไปนั้นเป็นเพราะลูกๆของเขาถูกแฟนบอลตะโกนดูถูกจนยอมไม่ได้

วิลเชียร์ถูกเอฟเอแบน 2 นัดจากวีรกรรมชูนิ้วกลางใส่แฟนบอล"เรือใบสีฟ้า"ในเกมที่"ปืนใหญ่"พ่ายซิตี้ 3-6 ในเอติฮัด สเตเดี้ยม

"ผิดหวังจริงๆที่ไม่ได้มีส่วนร่วมเมื่อคืนนี้ ผมไม่ควรตอบโต้ไปแบบนั้นแต่ผมรู้ว่าพวกคุณที่เป็นพ่อคนทั้งหมดรักลูกของคุณเช่นเดียวกับในแบบที่ผมเป็น" วิลเชียร์ทวิตเป็นนัยๆ

"สมมติว่าในอนาคตผมต้องโดนดูถูกเกี่ยวกับลูกๆของผมน่ะนะ เอาน่ะ อีกเกมเดียว ผมรอคัมแบ็คไม่ไหวแล้วล่ะ"

วิลเชียร์ผู้มีลูก 2 คนกับลอเรน นีล แฟนสาวของเขาคืออาร์ชี่ แจ็คกับเดไลลาห์ เกรซได้ขออุทธรณ์โทษแบนแต่ถูกปฏิเสธโดยเขาจะกลับลงสนามได้ในเกมสุดสัปดาห์ที่เซนต์ เจมส์ ปาร์คกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

หวานซ่อนเปรี้ยว!'น้ามู'จิกปืนชี้บอลอังกฤษเล่นหนักเป็นเรื่องปกติ


โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือจอมอหังการของเชลซีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ทีมของเขาเข้าปะทะหนักแต่รอดจากทั้งใบแดงและจุดโทษว่าเป็นเรื่องธรรมดาของฟุตบอลอังกฤษ

อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ"ไอ้ปืนใหญ่"แสดงความผิดหวังที่ทีมของเขาไม่ได้จุดโทษจากจังหวะที่ธีโอ วัลค็อตต์ปะทะกับวิลเลี่ยนในเขตโทษรวมถึงการที่จอห์น โอบี มิเกลรอดใบแดงจากจังหวะเข้าบอลหนักใส่มิเกล อาร์เตต้า ทำให้สุดท้ายทำได้แค่เสมอ 0-0 และเสียจ่าฝูงให้ลิเวอร์พูล กระนั้นมูรินโญ่ก็ออกมาตอบโต้ประเด็นนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน

"คุณรู้ไหม พวกเขาน่ะชอบร้องไห้ นั่นเป็นธรรมเนียม แต่ผมขอบอกแล้วกัน และผมได้บอกผู้ตัดสินที่ 4 ไปแล้วว่าคนอังกฤษอย่างเช่นแฟรงค์ แลมพาร์ดน่ะไม่มีวันปลุกปั่นเพื่อสร้างสถานการณ์เช่นนั้นหรอก นักเตะจากต่างแดนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบางประเทศมีสิ่งเหล่านั้นอยู่ในสายเลือด" มูรินโญ่ให้สัมภาษณ์

"ถ้าคุณมีการสัมผัสกันหรือคู่แข่งเริ่มแยกเขี้ยว เอาเลย เอาซี่ นี่แหละฟุตบอลอังกฤษ นักเตะต่างชาตินำมาซึ่งสิ่งดีๆหลายอย่าง พวกเขามาที่นี่เพราะต่างเป็นนักเตะพรสวรรค์ แต่ผมขอเลือกความเป็นอังกฤษในเกมลูกหนังนะ"

"เลือดอังกฤษในสถานการณ์เช่นนี้คือ 'เอ้า ลุยกันเถอะ' การเข้าบอลของมิเกลทั้งหนักและก้าวร้าว ฟุตบอลเป็นกีฬาของผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีทัศนคติอันน่ามหัศจรรย์"

"มันจริงอีกที่มีกีฬาชนิดอื่นๆที่ไม่ต้องสัมผัสกัน เหล่ากีฬาอันแสนวิเศษที่เรียกร้องจากผู้เล่นมากมาย ผมเคารพกีฬาเหล่านั้นที่เต็มไปด้วยแชมเปี้ยนนะ แต่มันไม่มีการสัมผัสกัน"

"ฟุตบอลคือเกมแห่งการปะทะ ฟุตบอลอังกฤษ, ฤดูหนาว, น้ำบนพื้นสนาม, การสไลด์แท็คเกิ้ลด้วยความเร็วเหลือเชื่อ จงภูมิใจเถิด เล่นด้วยความภาคภูมิใจ ถ้าคุณเจ็บ โอเค คุณก็เจ็บไง"


อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนสุดท้าย)


บทที่ 9 : Keane (ตอนที่ 2)


ลึกๆแล้ว การจากไปของเขาเป็นสิ่งหนึ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้น เพราะนักเตะมากมายหลายคนในห้องแต่งตัวหวาดกลัวเขา และพวกเขาเหล่านั้นก็เฉิดฉายขึ้นมาจากการจากไปของรอย นักเตะอย่างจอห์น โอเชียและดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้ไปเต็มๆ ในตอนที่เราเดินทางไปที่ฝรั่งเศสเพื่อลงแข่งขันกับลีลล์ ในปารีส เดือนพฤศจิกายน 2005 นักเตะถูกโห่ในสนามขณะอบอุ่นร่างกาย ส่วนหนึ่งนั้นมาจากผลกระทบของสิ่งที่รอยได้พออกไปในการให้สัมภาษณ์กับ MUTV เฟล็ทเชอร์และโอเชียโดนเล่นงานมากที่สุด

ผมคิดว่าห้องแต่งตัวของพวกเราผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อรอยย้ายออกจากทีม ความโล่งใจพัดพาเข้ามา พวกเขาไม่จำเป็นต้องรับฟังคำวิจารณ์ต่างๆนาๆ และด้วยเหตุผลที่รอยกำลังอยู่ในช่วงขาลง การจากไปของเขาก็ไม่ได้เป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่เราจะต้องเติมเต็ม ไม่เหมือนกับ 3 ปีก่อนหน้านี้ ผมได้ดูเกมการเล่นของเขาในแมทช์ที่เซลติกแข่งขันกับเรนเจอร์ส และบอกกับคาร์ลอสก่อนเกมเริ่มต้นว่าวันนี้รอยจะเป็นดาวเด่น

รอยแทบจะไม่มีส่วนร่วมในเกมนั้นเลย เขาลงเล่นในตำแหน่งปกติทั่วไป รอย คีนผู้ทรงพลังและคอยขับเคลื่อนทีมไม่อยู่ที่นั่น เขารักเซลติก ปาร์ค ผมเคยพูดกับเขาถึงเรื่องนี้และเขาก็ได้กล่าวชื่นชมสิ่งอำนวยความสะดวก, สนามซ้อม และโปรโซน เรื่องราวระหว่างเราสองคนเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ประมาณ 2 เดือนหลังจากนั้นตอนที่ผมนั่งอยู่ในออฟฟิศพูดคุยเรื่องธุระของทีมกับคาร์ลอส มีทีมงานคนหนึ่งเข้ามาบอกกับผมว่ารอยมาที่นี่เพื่อพบกับผม ผมผวาเลยล่ะ

"ผมเพียงแค่อยากจะขอโทษคุณกับพฤติกรรมของผม" เขาว่างั้น นั่นคือตอนที่เขาเริ่มพรรณนาถึงภาพฉากต่างๆที่เซลติก และเล่าให้ผมฟังว่าชีวิตของเขาเป็นอย่างไรบ้าง แต่หลังจากที่ผมได้เห็นเขาในเกมระหว่างเซลติกและเรนเจอร์ส ผมรู้ว่าเขาคงจะไม่ฝืนไปต่อแล้ว

ความเปลี่ยนแปลงกำลังคืบคลานเข้ามาก่อนที่รอยจะออกจากทีมไป แต่มันยังไม่ถึงจุดนั้น มีความจริงเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นคือพวกเราสามารถผลิตนักเตะขึ้นมาใหม่ และมันก็เป็นแบบนั้น เฟล็ทเชอร์เติบโตขึ้นและมีประสบการณ์มากขึ้น ผมซื้อตัวปารืค จี-ซองเข้ามาสู่ทีม และจอห์นนี่ อีแวนส์ก็ทำผลงานทะลุมาถึงทีมชุดใหญ่

บ่อยครั้งที่นักเตะทีมชุดใหญ่จะไม่ตระหนักว่ามีอะไรเกิดขึ้นรอบๆตัวพวกเขา เพราะพวกเขาจะไม่มองลงต่ำไปกว่าตัวของพวกเขาเอง พวกเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในทีมชุดอื่นๆของสโมสร กิ๊กส์, สโคลส์และเนวิลล์คือข้อยกเว้น บางทีริโอ และเวส บราวน์ก็เช่นกัน นักเตะคนอื่นๆจะไม่รู้อะไรทั้งนั้น พวกเขามองว่างานของพวกเขาคือการลงเล่น แต่ผมมองออกว่ารากฐานของเรากำลังพัฒนาขึ้น นั่นไม่ใช่ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับพวกเขาในแง่มุมของการคว้าถ้วยรางวัล แต่กระนั้นคุณก็กำลังจัดการกับความเปลี่ยนแปลง คุณจำเป็นที่จะต้องยอมรับช่วงเวลาที่เงียบสงบ และความเปลี่ยนแปลง โดยเรื่องเหล่านี้กินเวลาเป็นปี

ผมไม่เคยร้องขอเวลา 3-4 ปีในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จ เพราะกับสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุณไม่มีวันได้รับเวลามากมายขนาดนั้น คุณต้องพยายามเร่งกระตุ้นให้มันเกิดขึ้นเร็วขึ้น และบางครั้งก็ต้องกล้าด้วย ส่งนักเตะดาวรุ่งลงเล่น, ทดสอบพวกเขา ผมไม่เคยเกรงกลัวในการทำเรื่องอะไรแบบนี้ มันไม่ได้เป็นหนึ่งในหน้าที่ แต่ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานที่ผมรัก นี่คือตัวตนของผม ผมเคยทำแบบนี้ยามคุมทีมเซนต์ มิร์เรนและอเบอร์ดีน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฉะนั้นเมื่อเราพบเจอกับช่วงเวลาเหล่านี้ เราจะมอบความเชื่อมั่นของพวกเราให้กับนักเตะดาวรุ่งเสมอ

ในส่วนเรื่องการซื้อนักเตะเสริมทีม คาร์ลอสชื่นชมอันแดร์สันเป็นอย่างมาก ในวันหนึ่ง เดวิด กิลล์เดินทางไปที่สปอร์ติ้ง ลิสบอนเพื่อเซ็นสัญญากับหลุยส์ นานี่จากนั้นขับรถขึ้นทางด่วนเพื่อไปขอซื้ออันแดร์สันจากปอร์โต้ นักเตะสองคนนี้ทำให้เราเสียเงินไปเยอะ แต่มันแสดงให้เห็นว่าพวกเรา สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คิดอย่างไรกับดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ พวกเรามีนักเตะเกมรับที่ยอดเยี่ยมทั้งเฟอร์ดินานด์, วิดิชและเอฟร่า พวกเราเป็นทีมที่มีกองหลังแข็งแกร่ง รูนี่ย์กำลังพัฒนาขึ้น พวกเรายอมปล่อยตัวหลุยส์ ซาฮาออกไปเพราะว่าเขาพบเจอกับอาการบาดเจ็บอยู่เสมอ เรายืมตัวเฮนริค ลาร์สันเข้ามาและเขาคือการค้นพบอย่างแท้จริง

หลังการกระชับไมตรี ความสัมพันธ์ของผมและรอยก็มีปัญหาอีกครั้ง ผมได้อ่านบทสัมภาษณ์ของเขาเกี่ยวกับผลกระทบจากการล้างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกไปจากชีวิตของเขา คำกล่าวอ้างของเขาบอกว่าพวกเราคงจะลืมเขาไปแล้วในตอนนั้น จะมีใครหลงลืมสิ่งที่เขาได้ทำไว้ให้กับสโมสรได้ล่ะ? สื่อมวลชนเคยมองว่าเขาดูคล้ายคลึงกับผู้จัดการทีม เพราะความกระหายในการคว้าชัยชนะและแนวทางการกระตุ้นทีมของเขา พวกเขาตั้งคำถามกับผมตลอดว่า "รอย คีนจะเป็นผู้จัดการทีมได้ไหม?" ในอาชีพการทำงานโค้ชของเขา มันชัดเจนเลยว่าเขาต้องใช้จ่ายเงินเพื่อผลการแข่งขัน เขามองหานักเตะคนใหม่ๆเสมอ ผมไม่รู้สึกว่ารอยมีความอดทนมากพอในการสร้างทีม

ในฤดูกาล 2011-12 พวกเราไม่ลงรอยกันอีกครั้งเมื่อรอยวิจารณ์นักเตะดาวรุ่งของพวกเราหลังเกมพ่ายบาเซิ่ลอย่างหนัก เกมการแข่งขันดังกล่าวทำให้พวกเราตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก และผมก็ได้ตอกคืนเขาโดยบอกว่าเขาเป็น "กูรูหลังจอแก้ว" หากคุณศึกษาช่วงเวลาของเขาตอนท้ายๆที่เขาคุมทีมซันเดอร์แลนด์และอิปสวิช หนวดเคราของเขาขาวขึ้นและดวงตาก็ดำเข้มมากขึ้น คนบางคนอาจจะประทับใจกับความคิดเห็นของเขาผ่านทีวี และคิดว่า "อย่างน้อยเขาก็กล้าพอที่จะวิจารณ์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน" ตั้งแต่นาทีที่เขารับงานเป็นกูรูหลังจอแก้ว ผมก็รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมุ่งเน้นมาที่ยูไนเต็ด

เรื่องการด่านักเตะดาวรุ่งน่ะเหรอ? เขาไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับเวย์น รูนี่ย์ ซึ่งเวย์นจะไม่ทนกับเรื่องแบบนั้น นักเตะในทีมชุดใหญ่จะช่วยจัดการให้กับเขา เฟล็ทเชอร์และโอเชียเป็นสองคนที่โดนเล่นงาน และพวกเขาก็ต้องถูกแฟนบอลรุมโห่เป็นผลลัพธ์ตอนที่เราแข่งขันกับลีลล์ในปารีส การคุมทีมของรอยสองครั้งพิสูจน์ให้เราเห็นเรื่องหนึ่ง...เขาต้องการเงิน เขาใช้จ่ายซื้อนักเตะมากมายกับซันเดอร์แลนด์และก็ล้มเหลว เขาใช้จ่ายมากมายกับอิปสวิชและก็ไม่ประสบความสำเร็จ

เขาได้ให้สัมภาษณ์กับเดวิด วอลช์ใน Sunday Times บอกว่าผมคิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง และยกตัวอย่างสถานการณ์กับจอห์น แม็คไนเออร์เรื่องม้าร็อค ออฟ ยิบราลต้าร์ขึ้นมา ไม่น่าเชื่อเลย วันนั้นในออฟฟิศของผมที่เราประชันฝีปากกันและดวงตาของเขาดำมืดมิด เขาก็เอ่ยเรื่องจอห์น แม็คไนเออร์ขึ้นมา ผมไม่เคยเข้าใจความครอบงำที่เขามีต่อเรื่องนี้ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องม้าร็อค ออฟ ยิบราลต้าร์เลย

ในการนัดพบกันที่เรามีในวันศุกร์ พวกเราตกลงกันว่าแต่ละฝ่ายจะไม่พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่าย ผมคงจะปฏิบัติตามและให้เกียรติข้อตกลงนั้น แต่ความจริงก็คือรอยเป็นคนที่ละเมิดสิ่งนั้นเป็นคนแรก ยามที่รอยคุมทีมซันเดอร์แลนด์ เขาจวกยูไนเต็ดว่าดูถูกเขาและโกหกเขาทำให้เขาต้องลาจากสโมสร สโมสรของเราพิจารณาจะเล่นงานเขาทางกฎหมาย รอยบอกว่าเขาจะไม่ยอมถอนคำพูดดังกล่าว ความรู้สึกของผมก็คือเขาพยายามหาทางเอาเรื่องขึ้นศาลเพื่อทำให้แฟนบอลประทับใจ จริงๆแล้วเขายังคงเป็นฮีโร่สำหรับแฟนๆ คำแนะนำของผมที่มีให้กับเดวิด กิลล์ก็คือถอนคำฟ้องออกมา ผมรู้สึกว่าพวกเราได้รักษาศักดิ์ศรีของทีมเอาไว้





ขอสอง!เหี่ยวจ้องเหมารวบ"โมราต้า+กาซีญาส"


อาร์แซน เวนเกอร์กุนซือหน้าเหี่ยวของ"ปืนใหญ่"อาร์เซน่อลเตรียมรื้อฟื้นแผนการคว้าตัวอัลบาโร่ โมราต้าและอีเคร์ กาซีญาส 2 นักเตะ"ราชันชุดขาว"เรอัล มาดริดมาร่วมทัพ


เอล คอนฟิเดนเชี่ยล สื่อแดนผู้ดีรายงานข่าวว่าเวนเกอร์ต้องการเซ็นสัญญากับทั้งโมราต้าและกาซีญ่ามาจากเรอัล มาดริด

รายงานข่าวอ้างว่านายใหญ่เฟรนช์แมนได้ร้องขอนักเตะทั้งสองรายหลังมีความตั้งใจจะยุติการไร้แชมป์ของสโมสรที่ยาวนานกว่า 8 ปี

เวนเกอร์ต้องการให้กาซีญาสเข้ามาท้าทายตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมกับวอยเจียค เซสนี่ย์เจ้าของตำแหน่งคนปัจจุบัน

ขณะเดียวกันอดีตกุนซือโมนาโกก็ต้องการยืมตัวโมราต้ามาใช้งานเป็นเวลา 6 เดือนเพื่อเป็นตัวสำรองให้กับโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์หัวหอกทีมชาติฝรั่งเศส

เกาะกระแสบอลเบียร์:หลากทรรรศนะหลังเกมบุนเดสลีกา # 17


-กลายเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอีกหนสำหรับกองทัพเสือเหลือง เมื่อเจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือดวงตกของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์โอดครวญช่วงนี้ทำอะไรก็ไม่ดีอย่างที่หวังหลังจากแพ้คา บ้านให้แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 1-2 ปิดเบรกหนีหนาวด้วยความชอกช้ำสุด ๆ 

-ดอร์ทมุนด์พ่ายแพ้คาถิ่นซิกนัล อิดูน่า พาร์คอย่างต่อเนื่องหลังแพ้บาเยิร์น 0-3,พ่ายเลเวอร์คูเซ่น 0-1 และปิดด้วยการเจ๊งต่อแฮร์ธ่า 1-2 ทั้ง ๆ ที่ออกนำไปก่อนจากมาร์โก รอยส์ ตั้งแต่นาทีที่ 7 ก่อนโดนอาเดรียน รามอสตีเสมอ 1-1 นาที 23 และก่อนหมดครึ่งแรก นาทีสุดท้ายมาเรียน ซาร์ กองหลังดาวรุ่งพลาดให้ซามี่ อัลลากี หลุดเข้าไปล่อเป้า จากนั้นครึ่งหลังพลพรรคเสือเหลืองก็เอาคืนไม่ ได้ก่อนแพ้ไปอย่างเจ็บปวด หมดลุ้นแชมป์แบบปิดสนิท

-คล็อปป์ กล่าวผ่านสำนักข่าว "Kicker" สื่อเมืองเบียร์หลังเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า "มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายของเราอย่างแท้จริง อะไรก็ไม่เป็นใจให้เรา แม้ว่าจะนำก่อนแต่ก็ยิงเพิ่มไม่ได้ทั้ง ๆ ที่มีโอกาส จากนั้นโดนตีเสมอที่เป็นความผิดพลาดของเรา แถม ลูกที่โดนยิงนำก็เป็นความผิดพลาดของเราเองอีกด้วย ผมดีใจนะที่เราได้พักแล้วจากนี้ เพราะยิ่งเล่นยิ่งแย่ ต้องขอเวลาไปตั้งหลัก กันใหม่ ผมหวังว่าเราจะทำใจได้และกลับมาเริ่มต้นกันใหม่เพื่อทำให้ได้ดีอีกครั้ง"

-ยอส ลูฮูคาย เทรนเนอร์แฮร์ธ่า กล่าวว่า "ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องที่วิเศษมากที่เรามาชนะในบ้านดอร์ทมุนด์ได้สำเร็จก่อนพักครึ่ง ฤดูกาลแรก มันเป็นการปิดเบรกที่สวยงามมาก ๆ ครึ่งหลังเราเล่นได้ดีมาก ปิดโอกาสของพวกเขาได้หมด เราเล่นได้แน่นหนา และมีระเบียบวินัยที่ดีเยี่ยม ขอบคุณลูกทีมของผมเหลือเกิน ที่ทำให้เราพักผ่อนในช่วงหนีหนาวอย่างมีความสุข"

-โรบิน ดุตต์ นายใหญ่ของแวร์เดอร์ เบรเมน ออกมาขอบคุณมวลมหาแฟนบอลนางนวลช่วยกันเชียร์และสนับ สนุนทีมตลอดในบ้านจนพลิกวิกฤติกลับมาได้ด้วยการล้มไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 1-0 ในเกมบุนเดสลีกา นัดปิดท้ายก่อนเบรกหนีหนาวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอย่างสวยงาม

-เบรเมนลงเตะในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจนพลิกล็อกปราบเลเวอร์คูเซ่น ทีมรองจ่าฝูงบุนเดสลีกาได้สำเร็จ 1-0 จาก ประตูชัยของซานติอาโก้ การ์เซีย ส่งผลทำให้ทีมหนีจากโซนอันตรายขึ้นมาอยู่อันดับที่ 11 แลัะทำให้ห้างยาตกในสถานการณ์ที่ เลวร้ายแพ้รวด 2 นัดติดต่อกันจนมีแต้มตามหลังจ่าฝูงบาเยิร์น มิวนิค 7 คะแนนเท่าเดิมแต่แข่งมากกว่า 1 นัดก่อนจะพักครึ่งฤดู กาลแรก

-ดุตต์ กล่าวผ่านสำนักข่าว"Kicker" สื่อดังเมืองเบียร์ว่า "เรารู้สึกเลยว่าอย่างน้อยเราก็มีโชคช่วยเราได้บ้าง มันเป็นปี ที่ย่ำแย่ของเราทีเดียวเหมือนอย่างที่เราแพ้คาบ้านต่อบาเยิร์น 0-7 แต่วันนี้เราชนะทีมอย่างเลเวอร์คูเซ่นได้ที่นี่ ต้องขอบคุณแฟนบอลของเราที่ตามเชียร์เราจนกลับมาอยู่ในอันดับที่น่าดีใจได้ก่อนเบรกหนีหนาว ผมมาอยู่ที่เบรเมนได้ 6 เดือน เกมนี้เป็นเกมที่ ดีที่สุดของเราที่กลับมาในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้ทันเวลา ผมหวังว่าเราจะได้กำลังใจและกลับมาทำได้ดีอีกครั้งในครึ่งฤดูกาลหลัง"

-ซามี่ ฮูเปีย กุนซือเลเวอร์คูเซ่น กล่าวหลังเกม"เราทำได้ไม่ดีจริง ๆ แพ้ 2 นัดรวดก่อนปิดครึ่งซีซั่นแรก เรา เล่นได้ดีกว่า ครองเกมได้มากกว่า แต่เราก็เจาะเข้าไปยิงไม่ได้ เราขาดไปในจังหวะสุดท้าย มันเป็นสิ่งที่เราต้องปรับปรุงกันอีก มากนัก แต่ตอนนี้เราก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากพักสมองและกลับมาเริ่มต้นซ้อมกันใหม่ เพื่อกลับมาทำสู่ฟอร์มการเล่นที่ เราเคยทำได้ดีกว่านี้ห้ได้"

-ธอร์สเท่น ลีเบอร์เนชต์ กล่าวหลังเกมที่พาลูกทีมไอน์ทรัค บราวน์ชไวก์ กล่าวหลังเกม "เราเล่นเกมนี้ได้แกร่งมาก ๆ เป็นเกมในบ้านที่ยอดเยี่ยมอีกแมตช์ของเราอย่างแท้จริง ทุกคนเข้าถึงบอลได้ตลด และก็ช่วยกันวิ่งช่วยกันไล่จนนักเตะฮอฟเฟ่นไฮม์เล่นเกมของพวกเขาไม่ได้เลย เรียกว่าทุกคนคือพลังสำคัญที่ทำให้เราเป็นผู้ชนะในเกมนี้"

-มาร์คุส กิสดอล เทรนเนอร์ฮอฟเฟ่นไฮม์ กล่าวว่า"เกมนี้เราปะทะแย่งบอลได้ไม่ดีอย่างที่เราเคยทำได้เลย จังหวะในเกมรุกก็ติด ๆ ขัด ๆ เราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ครึ่งหลังเราทำได้ดีขึ้น แต่จังหวะเราพลาดหลายหน เป็นเกมที่น่าผิดหวังของเราอีกนัดอย่างแท้จริง แต่เราก็ต้องยอมรับและคิดถึงการพักผ่อนก่อนในช่วงนี้"

-เบิร์ต ฟาน มาร์ไวก์ กุนซือฮัมบวร์ก แสดงความผิดหวังต่อการพ่ายแพ้ของทีมคาบ้านต่อไมนซ์ 2-3 ว่า "ชัยชนะของไมนซ์เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว พวกเขาเล่นด้วยสปิริตที่ดีกว่าเรา เราน่าจะได้สกอร์ 2-2 ก็ยอดเยี่ยมแล้ว แต่เราก็ป้องกันไม่ดี จนโดนยิงนาทีสุดท้ายอีก เป็นสิ่งที่ผมผิดหวังมากและแฟนบอลก็รู้สึกแย่ไปด้วย ผมต้องขอโทษพวกคุณจริงๆ"

-โธมัส ทูเคิล เทรนเนอร์ไมนซ์ กล่าวว่า "เราเล่นได้เยี่ยมมาก ๆกับการมีเพิ่มเป็น 24 คะแนนก่อนปิดเบรกหนีหนาว ผมคิดว่าที่เราทำได้ดีก่อนหน้านั้นก็ยอดเยี่ยมแล้ว การจะเสมอและกลับชนะได้ เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกดีนะ เรามีโชคที่พังประตูชัยได้ก่อนหมดเวลาเป็นการปิดฉากได้สวยของเรากับการชนะทีมใหญ่อย่างฮัมบวร์กได้สำเร็จ"

-คริสเตียน สไตรช์ กุนซือไฟร์บวร์ก กล่าวหลังพาลูกทีมเชือดฮันโนเวอร์ 2-1 ว่า"เราเริ่มต้นได้ดีและเล่นด้วยความ เชื่อมั่นจนเราสามารถเอาชนะพวกเขาได้ ผมอยากเห็นลูกทีมของผมเล่นได้ดีแบบนี้ในบ้านของเรา อย่างน้อยตอนนี้เราทำได้ สำเร็จแล้วที่สามารถชนะในบ้านทำให้แฟน ๆ มีความสุขได้พอดีก่อนคริสต์มาส"

-เมียร์โก สลอมก้า กุนซือฮันโนเวอร์ กล่าวว่า"เราขาดตัวสร้างสรรค์เกมอย่างซาโบลค์ ฮุสซ์ตี้ไปคน เราเดินเกมรุก ไม่ดีอย่างที่หวังไว้เลย เกมรุกของเราไม่ดันไปข้างหน้าเลยและตกเป็นรองและเล่นเกมรับกันตลอด มันเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง มากที่เราไม่สมควรพ่ายแพ้เราเสียประตูอย่างน่าผิดหวังอีกแล้ว ผมผิดหวังมากและเรามีการบ้านมากมายในช่วงเบรกหนีหนาว เพื่อฟื้นฟูฟอร์มของเราให้กลับมา"

-แกร์ยาน เฟอร์บีค กุนซือเลือดดัตช์ของเนิร์นแบร์กคือนายใหญ่ในบุนเดสลีกาคนเดียวเท่านั้นที่ยังพาทีมชนะไม่ ได้จนกระทั่งจบครึ่งซีซั่นแรก ที่ไม่น่าเชื่ออีกอย่างก็คือแดร์คลุบเป็นทีมเดียวที่ไม่ชนะเลยมีแต่เสมอกับแพ้ เรียกว่าใน 5 ลีกหลัก ของยุโรปไม่มีทีมไหนที่ผลงานแย่เท่านี้ เพราะทุกทีมชนะได้หมด มีแค่เนิร์นแบร์กที่สะกดคำว่า"ชนะ"ไม่เป็นจนนัดสุดท้าย ครึ่งแรกและเบรกหนีหนาวไปเรียบร้อยแล้ว

-เฟอร์บีคมาคุมแดร์ คลุบแทนมิชาเอล วีซิงเกอร์ ตั้งแต่นัดที่ 11 ปาเข้าไป 7 นัดมีผลงานเสมอ 4 แพ้ 3 ที่เจ้าตัวกล่าว อย่างผิดหวังอีกครั้งที่ทีมได้แค่เจ๊าชาลเก้แบบโนสกอร์ ทั้ง ๆ ที่บุกเยอะแต่ก็ไม่คมพอที่จะเป็นผู้ชนะ ที่เขากล่าวว่า "เราทำได้ดีกว่าชาลเก้การปะทะแย่งบอลหรือครองบอลเราก็ทำได้ดีกว่า เราขาดแค่มีจังหวะสังหารและทำไม่ได้เท่านั้นเอง สกอร์ 0-0 ผมไม่อยากเชื่อว่าเราจะยิงไม่ได้ เราไม่มีโชคอีกแล้วและก็คงได้แค่ทำใจและรอโชคจะเข้าข้างบ้างเราเท่านั้น"

-ปีเตอร์ แฮร์มันน์ ผู้ช่วยกุนซือชาลเก้แสดงความเห็นหลังเกมแทนเยนส์ เคลเลอร์ กล่าวว่า "เราได้แต้มในเกมนี้ก็ ถือว่าน่าพอใจ เนิร์นแบร์กมีโอกาสที่ดีกว่าเราแต่ทำไม่ได้เอง เราโชคดีกว่าที่ไม่แพ้ ผมรู้สึกดีแล้วที่เราเสมอได้ และได้เวลาของ ารพักผ่อนอย่างเต็มที รอเวลาที่จะกลับมาทำผลงานให้ได้ดีอีกครั้ง"

-ลูเซียง ฟาฟเร่ กุนซือกลัดบัค กล่าวหลังจากที่พาทีมได้แค่เจ๊าโวล์ฟสบวร์กในคู่ปิดท้ายของบุนเดสลีกา ครึ่งซีซั่นแรกว่า"อยากบอกว่ามันน่าเสียดายจริง ๆ เรามี โอกาสที่จะทำประตูนำห่างเป็น 3-1 แต่กลับมาโดนตีเสมอ 2-2 อย่างน่าเสียดาย มันไม่ง่ายจริง ๆที่เราจะชนะในเกมนี้ โวล์ฟสบวร์กก็เล่นได้ดี แต่ผมก็มองโลกในแง่บวกนะ ที่เราได้มาทั้งหมด 33 แต้ม ผมคิดว่ามันเป็น เรื่องที่ดีสำหรับเราที่ก็ทำได้สำเร็จ"

-ดีเตอร์ เฮคคิงก์ เทรนเนอร์โวล์ฟสบวร์ก กล่าวว่า "มันเป็นเกมที่ดุเดือดมากและทั้งสองทีม ก็เล่นได้ดีมาก ตอนที่เรานำ 1-0 ต้องบอกว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากแต่เราก็โดนเอาคืนและแซงนำแต่เราก็ยังมาตามตีเสมอ 2-2 ก็มาจากความพยายามของเรา มันเป็นรางวัลที่ดี ผมคิดว่ามันเป็นผลการแข่งขันที่เหมาะ สมแล้วสำหรับการต่อสู้ในเกมนี้"






วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556


อาร์แซน เวนเกอร์ขงเบ้งค่ายวันทัชของ"ปืนใหญ่"อาร์เซน่อลยังหมายตาคว้าตัวคาริม เบนเซม่าดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสมาเสริมแนวรุกในช่วงปีใหม่นี้

ลอนดอน อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด สื่อชื่อดังแดนผู้ดีรายงานข่าวว่าเบนเซม่ายังคงมีชื่อติดลิสต์ลำดับต้นๆของเวนเกอร์หลังนายใหญ่เฟรนช์แมนกำลังมองหากองหน้าคนใหม่เข้ามาเสริมทีมในเดือนมกราคม

ก่อนหน้านี้อีกหนึ่งเป้าหมายของเวนเกอร์อย่างหลุยส์ ซัวเรซที่เขาตามล่ามาตลอดช่วงซัมเมอร์ก็เพิ่งต่อสัญญาฉบับใหม่ฝากอนาคตเอาไว้กับลิเวอร์พูลต่อไป

ทั้งนี้อาร์เซน่อลยังคงมีงบประมาณเหลือสำหรับการเสริมทัพในช่วงตลาดหน้าหนาวนี้แม้เพิ่งทุ่มเงิน 42.5 ล้านปอนด์คว้าตัวเมซุต โอซิลมาจากเรอัล มาดริดในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะรอบที่แล้ว

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเรอัล มาดริดจะไม่เต็มใจปล่อยตัวดาวยิงวัย 26 ปีออกจากถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาบิวโดยที่ยังหาตัวตายตัวแทนของนักเตะไม่ได้

แม่ห้ามไว้!"ตอไม้"บอกอยากเป็นผู้รักษาประตู


เฟร์นานโด ตอร์เรสดาวยิงค่าตัวแพงของ"สิงห์ไฮโซ"เชลซียอมรับว่าเขาเติบโตขึ้นมาด้วยความหวังที่อยากจะเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู

ตอร์เรสที่ย้ายจากลิเวอร์พูลมาอยู่กับเชลซีด้วยค่าตัวสถิติเกาะอังกฤษ 50 ล้านปอนด์เปิดเผยว่าแรกเริ่มเดิมทีไม่ได้อยากจะลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าเลย

ทั้งนี้เขาต้องการเป็นผู้รักษาประตูเหมือนอย่างพี่ชายทว่าหลังเหตุการณ์ที่ต้องสละฟันของตนเองเพื่อเซฟประตูทำให้แม่ของเขาต้องห้ามปรามเอาไว้

"ผมต้องการเป็นเหมือนอย่างเขา(พี่ชายชื่อ อิสมี่)ดังนั้นผมจึงเริ่มเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู"ตอร์เรสกล่าว

"กระทั่งวันหนึ่งผมเซฟประตูจนฟันหัก"

"แม่ของผมบอกว่า'ลูกอยากเล่นฟุตบอลใช่ไหม ห้ามเล่นผู้รักษาประตูอีก' "

ที่มา : www.soccersuck.com/boards/topic/965424

หมดยุคฮาร์ท!เปเญฯจิ้ม"บัลเดส"สานมือหนึ่ง


มานูเอล เปเญกรินี่กุนซือผมสีดอกเลาของ"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้หันมาให้ความสนใจดึงตัวบิคตอร์ บัลเดสมือกาวจอมเก๋าของ"ต่างดาว"บาร์เซโลน่าไปเฝ้าเสาในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม

บัลเดสกำลังจะหมดสัญญากับบาร์เซโลน่าในช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้ซึ่งจะทำให้เจ้าตัวสามารถเลือกย้ายทีมได้อย่างอิสระและไร้ค่าตัวตามกฎบอสแมน

มาร์ก้า สื่อชื่อดังแดนกระทิงดุรายงานข่าวว่าบัลเดสได้รับข้อเสนอจากทางโมนาโกเข้ามาแล้วแต่โอกาสย้ายไปร่วมทีมซิตี้อาจกลายเป็นจริงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

หากโจ ฮาร์ทผู้รักษาประตูมือหนึ่งของซิตี้ยังไม่สามารถพัฒนาฟอร์มการเล่นของตนเองขึ้นมาได้ เปเญกรินี่ก็พร้อมเดินหน้าหาผู้รักษาประตูระดับโลกคนใหม่เข้ามาแทนที่และบัลเดสก็มีชื่อติดอยู่ในลิสต์ลำดับต้นๆของเขา

ปัจจุบันซิตี้ภายใต้การทำทีมของเปเญกรินี่รั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ ลีกโดยมีคะแนนตามหลังจ่าฝูงอย่างลิเวอร์พูลอยู่เพียง 1 แต้ม

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

น้ามูยันสถิติไร้พ่ายเหนือ"เหี่ยว"ไม่มีค่าเกมฟัดปืน


โจเซ่ มูรินโญ่เทรนเนอร์"เดอะ แฮปปี้ วัน"ของ"สิงห์ไฮโซ"เชลซียืนยันว่าสถิติไร้พ่ายเหนืออาร์แซน เวนเกอร์ขงเบ้งเลือดน้ำหอมของ"ปืนใหญ่"อาร์เซน่อลไม่มีความหมายใดๆกับการแข่งขันเกมบิ๊กแมตช์วันจันทร์นี้


นายใหญ่ชาวโปรตุกีสยังคงรักษาสถิติไร้พ่ายตลอด 9 เกมที่แข่งกับเวนเกอร์รวมถึงชัยชนะนัดล่าสุดในศึกแคปิตอล วัน คัพเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

"มันไม่ใช่การแข่งขันของผมกับเวนเกอร์ "มูรินโญ่กล่าว

"มันเป็นการแข่งขันระหว่างทีมเชลซีของผมกับอาร์เซน่อลของเขา"

"มันไม่ได้มีผลอะไรนะ นั่นมันก็แค่สถิติ มันไม่ได้มีความหมายอะไรในวันจันทร์นี้"

"ผมไม่รู้สึกว่าเราได้เปรียบในเชิงจิตวิทยาเหนืออาร์เซน่อลนะ ในความทรงจำของผมที่เจอกับพวกเขา เราเล่นกันได้ดีมากๆ ส่วนในเรื่องผลลัพธ์ เราก็ได้ผลการแข่งขันที่ดี"

พี่ติ๊กเร้า"แข้งผี"เลิกประหม่าเมื่อเล่นในโรงละคร



ปาทริซ เอวร่าแบ็คซ้ายเฟรนช์แมนของ"ปีศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกระตุ้นเพื่อนร่วมทีมให้เลิกประหม่าเมื่อต้องลงสนามในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แม้ว่าจะเอาชนะแอสตัน วิลล่าได้เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วแต่ยูไนเต็ดยังคงรั้งอันดับที่ 8 ของตารางพรีเมียร์ ลีกโดยมีคะแนนตามหลังทีมอันดับที่ 4 อย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 7 แต้มและตามจ่าฝูงอย่างอาร์เซน่อลถึง 10 คะแนน

"หลังจากเราแพ้เอฟเวอร์ตัน มันเห็นได้ชัดว่าเราดูหวาดวิตกเล็กน้อยในเกมกับนิวคาสเซิล"เอวร่ากล่าว

"บางครั้งแฟนบอลก็ไม่แฮปปี้และนั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแต่เราเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เราต้องรับมือกับมันให้ได้เพราะเราต้องการแฟนบอลทั้งหลาย"

"หากพวกเขาต้องการวิพากษ์วิจารณ์เรา เราก็สมควรได้รับมันแล้วเพราะเมื่อคุณเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุณก็ต้องเล่นพร้อมกับมีความกดดัน"

เกาะแกระแสบอลเบียร์:บิตเท่นคอร์ต:"ขอบคุณเฮคคิงก์ที่ให้โอกาส”



5 นัดกับการลงเตะให้กับดอร์ทมุนด์ก่อนหน้านี้...เป็นความทรงจำที่ดี ๆ เมื่อซีซั่นที่แล้ว

การลงสนามเพื่อกองทัพเสือเหลืองที่ผ่านมาเรียกว่าได้ใจกองเชียร์ ของดอร์ทมุนด์ไม่น้อยเลย แต่เส้นทางชีวิตของเลโอนาร์โด้ บิตเท่นคอร์ตก็ได้เวลาของ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง

มิดฟิลด์หนุ่มจอมลีลาวัย 19 ปีย้ายจากดอร์ทมุนด์มาอยู่กับฮันโนเวอร์ด้วยค่าตัว 2 ล้านยูโร ตอนนี้บิตเท่นคอร์ตคือกำลังสำคัญของทีมอย่างแท้จริงและก็ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในช่วงหลัง 

ว่าแล้ว..."บิลด์"สำนักข่าวดังเมืองเบียร์ก็เลยเชิญให้บิตเท่นคอร์ตพูด คุยกันอีกครั้งในช่วงสำคัญก่อนลงเตะในช่วงสุดสัปดาห์นี้...

-คุณบิตเท่นคอร์ต,ปีที่ผ่านมาของคุณกับดอร์ทมุนด์เป็นอดีตไปแล้ว คุณยังรำลึกถึงอีกมั้ย?

บิตเท่นคอร์ต: ก็มีบ้าง ผมยังคงได้พูดคุยกับรอยส์ กับ ฮุมเมิ่ลส์บ้าง เหมือนกัน เรียกว่าเราเคยมีช่วงเวลาที่ดีต่อกันไม่น้อย แน่นอนว่าผมก็หวังว่าผมจะได้เตะกับพวกเขาอีกครั้งในอนาคตข้างหน้า

-เหมือนกับว่าคุณยังหนีไม่ขาดจากดอร์ทมุนด์?

บิตเท่นคอร์ต: แน่นอน เพราะว่าผมก็ยังอยู่ใกล้ ๆ บ้านของซาฮิน ,ฮุมเมิ่ลส์ และชเมลเซอร์ ทำให้ต้องมีโอกาสได้เจอกันได้พูดคุยกันอยู่ตลอด แม้ว่าผม จะย้ายจากดอร์ทมุนด์มาอยู่กับฮันโนเวอร์แล้วก็ตาม ผมแวะไปหามาร์โก รอยส์อยู่บ่อย ๆ ด้วย เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

- คล็อปป์ กับ สลอมก้า อะไรคือความแตกต่าง และอะไรที่มีความ เหมือนกันบ้าง?

บิตเท่นคอร์ต: แน่นอนว่าสิ่งที่เหมือนกันก็คือพวกเขาล้วนแต่ต้องการ เป็นผู้ชนะ เน้นการซ้อมเป็นทีมมากกว่าเน้นเรื่องส่วนตัว แต่ความเข้มนั้นสลอมก้ามี มากกว่าคล็อปป์ ที่ดูจะสบาย ๆ กว่า

-หากว่าเป็นอย่างนั้นคุณชอบสลอมก้า หรือว่าคล็อปป์มากกว่า?

บิตเท่นคอร์ต: ผมยังคงรำลึกถึงเจอร์เก้น คล็อปป์อยู่เสมอ เพราว่า เขาหนุนหลังผมมาตลอด ในการใส่ผมลงสนามตอนที่อยู่กับดอร์ทมุนด์ แต่กับ ฮันโนเวอร์นั้น ผมเรียกสลอมก้าว่าโค้ช แต่กับคล็อปป์ผมเรียกเจอร์เก้นได้ แต่ที่ผ่าน มานั้นสลอมก้าก็ชอบให้ผมเรียกโค้ชมากกว่า แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าผมก็ เคารพพวกเขาทั้งสองคน ผมขอบคุณเฮคคิงก์ที่ให้โอกาสผม
- หากว่าเป็นแบบนั้น คล็อปป์และผู้อำนวยการซอร์คที่ดอร์ทมุนด์ ได้เปลี่ยนแปลงตัวคุณแค่ไหน?

บิตเท่นคอร์ต: ผมยังคิดถึงพวกเขาทั้งคู่ ซอร์คส่งข้อความมาให้กำลัง ใจผมก่อนการลงสนามนัดแรกให้กับฮันโนเวอร์บอกว่า ขอให้ผมโชคดีในการต่อสู้ กับซีซั่นใหม่ มันเป็นความรู้สึกที่ดีเยี่ยมจริง ๆ 

- แสดงว่าคุณยังหนีดอร์ทมุนด์ไม่ออกจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?

บิตเท่นคอร์ต: แน่นอนว่าผมไม่อาจจะหนีความทรงจำกับดอร์ทมุนด์ ได้ หากว่าผมมีโอกาสก็ติดตามพวกเขาเสมอ เพราะเป็นแฟน ๆ พวกเขาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ นั่้นเลย

-ที่ผ่านมากับดอร์ทมุนด์คุณได้ลงเตะในแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อซีซั่นที่ แล้ว กับ 96 จะมีโอกาสแบบนั้นหรือเปล่า?

บิตเท่นคอร์ต: แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นเรื่้องที่น่าตื่นเต้นมาก แต่ก็เป็น เรื่องยากที่ฮันโนเวอร์จะได้โอกาสแบบนั้นอย่างรวดเร็ว แต่อย่างน้อยผมก็หวังว่าผม จะช่วยให้ทีมให้ได้ไปเตะในยูโรป้าลีก ในซีซั่นหน้าให้ได้เป็นอย่างน้อย

-มั่นใจแค่ไหนว่าคุณจะทำได้?

บิตเท่นคอร์ต: ผมคิดว่าทีมของเรามีโอกาส หากว่ารักษาฟอร์มการ เล่นที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้ต่อไป เรามีจุดแข็งในบ้านที่เราต้องทำให้ดีที่สุด และเราก็จะทำให้ดีต่อเนื่องต่อไป 

-เรื่องส่วนตัวของเลโอ

► เนย์มาร์ หรือ เมสซี่

เลโอ: เนย์มาร์, ผมชอบคนบราซิลมากกว่าอาร์เจนไตน์

► เบียร์ หรือว่า วิสกี้

เลโอ: ไม่ทั้งสองอย่าง ผมไม่ชอบแอลกอฮอล์

► เกิทเซ่ หรือ โอซิล

เลโอ: เกิตเซ่ เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนผม แต่ทั้งสองก็เป็นนักเตะระดับ โลกทั้งคู่

► บุนเดสลีกา หรือ ถ่ายทอดกีฬาอย่างอื่น

เลโอ: บุนเดสลีกาดีที่สุด ผมชอบดูภาพไฮไลต์แต่ละคู่หลังจบการ แข่งขันไปแล้วมากที่สุด พวกเขาตัดต่อได้เจ๋งมาก ๆ

► สุนัข หรือ แมว

เลโอ: สุนัข ผมมีเลี้ยงอยู่ 2 ตัว ชื่อไทสัน และกิโก้ 

► ก๋วยเตี๋ยว หรือโรดิซิโอ (เนื้อย่าง หรือบาบีคิวแบบบราซิล) 

เลโอ: โรดิซิโอ แม่ผมทำอร่อยมาก 

เกาะกระแสบอลเบียร์:คล็อปป์ชู...'นิวเกิทเซ่'โฮฟมันน์



'เบเฟาเบ ยูเวล โยนาส โฮฟมันน์'

เว็บไซต์ทางการบุนเดสลีกา...พาดหัวข่าวของเจ้าหนูดาวรุ่งของเสือเหลืองได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจพอสมควร !!

'โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์แสดงความชื่นชมต่อโยนาส โฮฟมันน์' แน่นอนว่ามันก็น่าจะเป็นจริงดังว่า สำหรับการที่เสือเหลืองจะต้องแสดงความนับถือต่อหนุ่มน้อยโฮฟมันน์ ผู้ที่ทำให้ดอร์ทมุนด์ได้ลุ้นความสำเร็จในซีซั่นนี้..เจอร์เก้น คล็อปป์ กำลังจะได้ซูเปอร์สตาร์คนใหม่?

ที่ผ่านมานั้นเอ็มฮิทาร์ยาน,โอบาเมยอง,โซคราติส ไม่มีใครโชว์ฟอร์มได้ดีสมใจหวังเลยแต่คนเดียว

ก่อนหน้านี้ช่วงเริ่มเปิดซีซั่น ในการประเดิมใส่เสื้อเสือเหลืองลงสนามนัดแรกในซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ต่อหน้าแฟนบอลตัวเองที่อยู่ในสังเวียนแข้งกว่า 8 หมื่นคนในชัยชนะต่อบราวน์ชไวก์ ทีมไม่ได้ใช้ความสามารถของสตาร์ค่าตัวรวมกัน 50 ล้านยูโรเลย แต่กลับใช้ความยอดเยี่ยมของโยนาส โฮฟมันน์ เด็กหนุ่มดาวรุ่งวัย 21 ปีเป็นทีเด็ดในการถล่มประตูให้โบรุสเซียลุยคว้าชัยแบบหืดขึ้นคอ

โฮฟมันน์ มาอยู่กับดอร์ทมุนด์ในปี 2011 โดยมาจากฮอฟเฟ่นไฮม์ ยู-19 โดยได้มาฟรีไม่ต้องจ่ายค่าตัวและได้เสื้อเบอร์ 7 ของเสือเหลืองอีกต่างหากด้วย ที่แน่นอนว่างานนี้คล็อปป์กลับใช้ของฟรีเป็นทีเด็ดทำให้ทีมคว้าชัยชนะได้ตลอดตั้งแต่เริ่มฤดูกาลเเป็นต้นมา คล็อปป์เชื่อว่าโฮฟมันน์จะเป็นมาริโอ เกิทเซ่คนใหม่หลังจากที่ได้เห็นฟอร์มมาตั้งแต่ปลายซีซั่นที่ผ่านมานั่นแล้ว? 

'Super-Bubi' 

คล็อปป์เชื่อมั่นว่าโฮฟมันน์นั้นจะเป็นซูเปอร์เบบี้ ที่กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต เพราะโฮฟมันน์ที่เล่นได้โดดเด่นมากในการทำหน้าที่แทนโอบาเมยอง และกลายมาเป็นฮีโร่แทนแฮตทริกฮีโร่นัดแรกและก็ทำผลงานได้อย่างดีต่อเนื่อง

ที่ผ่านมาคล็อปป์เผยพอใจผลงานและก็ชื่นชมโยนาส โฮฟมันน์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งคนนี้ทั้งยิงและจ่ายทำทางให้ให้เพื่อนได้ดีเยี่ยมมาตลอด "เสือเหลือง" ชี้แม้ว่านักเตะยังตื่นเต้นอยู่บ้างในบางนัดที่ได้ลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลจำนวนมหาศาล แต่มั่นใจจะเป็นกำลังสำคัญของทีมในอนาคตแน่นอน 

โฮฟมันน์ ซัดประเดิมตุงแรกของตัวเองกับดอร์ทมุุนด์ได้สำเร็จตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามในการที่ถูกเปลี่ยนตัวลงแทนสไปเดอร์แมน แถมยังเป็นคนเรียกจุดโทษและนำมาซึ่งประตูที่ 2 ของทีมได้อีก คล็อปป์ ยอมรับว่าทีมคงยากที่จะเก็บ 3 แต้มแน่นอนกับการออกตัวในบ้านนัดแรกของซีซั่นในเวลานั้น หากไม่ได้ฟอร์มเก่งของดาวเตะทีมชาติเยอรมัน ชุดอายุต่ำกว่า 21 ปีช่วยเอาไว้ 

"ผมใส่ชื่อโฮฟมันน์ไว้ในรายชื่อสำรองไว้ตลอด เพราะเขามีความสด แม้ว่าเขาจะรู้สึกกดดันเล็กน้อยก็ตาม แต่เราก็รู้ว่าจะใช้งานเขาอย่างไรมากกว่า และเขาก็ทำให้เรามีความสุขจริงๆ กับการคว้าชัยชนะได้สำเร็จในแต่ละนัด ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก"

นอกจากนั้นแล้ว คล็อปป์ ยังยกย่องว่าโฮฟมันน์ว่าเล่นได้ดีมากแบบสม่ำเสมอ อีกทั้งก็มีความทุ่มเทและทัศนคติที่ยอดเยี่ยม จนทำให้ ดอร์ทมุนด์มีผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง 

"หากทีมหนึ่งมีการจัดการที่ดี ซึ่งผมเชื่อว่ามันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าทีมหนึ่งมีระบบการบริหารจัดการที่ดีมาก ผมก็มั่นใจว่าทีมจะมีผลงานที่ดีอย่างแน่นอน และเราก็ได้เห็นในเกมไปแล้ว สิ่งที่ผมทึ่งมากก็คือโฮฟฟ์มันน์ยังฟิตตลอด 90 นาที ซึ่งผมเห็นไม่ค่อยบ่อยนัก หากพวกเขายังรักษาฟอร์มแบบนี้ไว้ได้ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะพร้อมต่อสู้สำหรับศึกหนักในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอนและจะช่วยเราได้มากทีเดียว" 

แน่นอนว่าตอนนี้...ดอร์ทมุนด์ต้องคอยประคบประหงมซูเปอร์เบบี้คนนี้ให้ดี

นิวสตาร์ที่จะโด่งดังในอนาคตข้างหน้าของวงการลูกหนังเมืองเบียร์...โยนาส โฮฟมันน์


วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อัตชีวประวัติเฟอร์กูสัน บทที่ 9 : คีน (ตอนที่ 2)

บทที่ 9 : Keane (ตอนที่ 2)

ในบทสัมภาษณ์ดังกล่าว รอยบรรยายว่า "คีแรน ริชาร์ดสันเป็นกองหลังจอมขี้เกียจ" ตั้งคำถามว่าทำไมผู้คนในสก็อตแลนด์พูดเพ้อเจ้อถึงดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ และพูดถึงริโอ เฟอร์นานด์บอกว่าแค่แกได้รับค่าเหนื่อย 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และทำผลงานได้ดี 20 นาทีในเกมกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ไม่ได้ทำให้แกเป็นซูเปอร์สตาร์ขึ้นมา 


เพรส ออฟฟิศของเราโทรศัพท์หาเดวิด กิลล์ทันที เทปดังกล่าวชะงักรอออกอากาศจากการตัดสินใจของผม เรากคิดกันว่าจะเอายังไง "โอเค เอาเทปนั่นมาให้ฉันวันพรุ่งนี้ แล้วฉันจะลองดู" ผมตอบ

พระเจ้า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่น่าเชื่อเลย เขาด่าเละนักเตะในทีมทุกๆคนทั้งดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, อลัน สมิธ, ฟาน เดอ ซาร์, รอยจัดการอัดพวกเขาทั้งหมด

ในสัปดาห์ดังกล่าวเราไม่มีเกมการแข่งขัน และผมก็โปรแกรมจะต้องเดินทางไปที่ดูไบเพื่อเยี่ยมเยียนโรงเรียนสอนฟุตบอลของพวกเรา เช้าวันนั้นแกรี่ เนวิลล์โทรศัพท์หาผมจากห้องแต่งตัวของนักเตะ และถามว่าผมจะเข้าไปหาได้รึเปล่า ผมตรงดิ่งไปทันที ผมคาดหวังว่าจะได้เห็นรอยขอโทษทุกๆคน ผมนั่งลง แกรี่เอ่ยขึ้นมาว่านักเตะในทีมไม่แฮปปี้กับการฝึกซ้อม ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยิน "แกว่าไงนะ?" ผมถาม รอยมีอิทธิพลอย่างมากในห้องแต่งตัวของเรา และผมเชื่อว่าเขาได้ใช้อิทธิพลนั้นพยายามเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ พวกคุณฟังนะ คาร์ลอส กีรอซนั้นเป็นโค้ชและผู้ฝึกสอนที่ยอดเยี่ยม มันก็จริงที่เขาอาจจะจัดตารางการออกกำลังซ้ำๆซากๆ แต่นั่นแหละที่ทำให้คุณเป็นนักฟุตบอลที่ดี พลังแห่งกิจวัตรที่เฝ้าทำทุกๆวัน

ผมตอกกลับนักเตะของผมคืน "พวกแกลากฉันลงมาที่นี่เพื่อให้มาฟังพวกแกบ่นเรื่องการฝึกซ้อมเหรอ? พวกแกอย่าเริ่มนะ ไอ้สองตัวน่ะ...พวกแกกำลังพูดกับใคร?" จากนั้นผมเดินออกจากห้องทันที 

หลังจากนั้น รอยเข้ามาหาผมและผมได้บอกกับเขาว่า "ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น" จากนั้นผมเริ่มพูดถึงเรื่องวีดีโอ "สิ่งที่แกทำในการให้สัมภาษณ์นั้นเป็นเรื่องอัปยศ, ไร้สาระสิ้นดี แกวิจารณ์เพื่อนร่วมทีมของแก และต้องการให้นักเตะพวกนั้นออกจากทีม"

รอยเสนอแนะว่าพวกเราควรเปิดวีดีโอดังกล่าวให้กับนักเตะภายในทีมฟัง และให้พวกเขาเป็นคนตัดสิน ผมเห็นด้วยกับเขา จากนั้นนักเตะทุกคนภายในทีมเข้ามาร่วมชมวีดีโอด้วยกัน เดวิด กิลล์อยู่ในอาคาร แต่เขาปฏิเสธคำเชื้อเชิญของผมในการมารับชมด้วย เขาคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้ผมจัดการ แต่คาร์ลอสและทีมงานทุกๆคนได้เข้ามาร่วมดูด้วย

รอยถามนักเตะว่าพวกเขามีอะไรจะพูดไหม กับสิ่งที่ได้เห็น 


เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ตอบว่ามี เขาจวกรอยว่ารอยล้ำเส้นกับการวิจารณ์เพื่อนร่วมทีม จากนั้นรอยสวนกลับเอ็ดวิน ถามว่าเอ็ดวินคิดว่าตัวเองเป็นใคร รู้อะไรเกี่ยวกับยูไนเต็ดบ้าง? ฟาน นิสเตอรอยลุกขึ้นมาสนับสนุนฟาน เดอ ซาร์ รอยจึงหันไปเล่นงานรุด และจากนั้นก็เป็นคาร์ลอส แต่เขาเก็บคำพูดที่เจ๋งที่สุดเอาไว้สำหรับผม

"คุณเอาชีวิตส่วนตัวของคุณมาเกี่ยวข้องกับสโมสร ในเรื่องการโต้เถียงของคุณกับแม็กไนเออร์" เขาว่างั้น

ณ จุดนั้น นักเตะทุกๆคนเริ่มเดินออกจากห้องทั้งสโคลส์, ฟาน นิสเตอรอยและฟอร์จูน

สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายของรอยคือลิ้นของเขา เขามีลิ้นที่ป่าเถื่อนที่สุดเท่าที่คุณจะจินตนาการได้ เขาสามารถทำให้คนที่มั่นใจที่สุดในโลกสูญเสียสิ่งดังกล่าวไปในเวลาไม่กี่วินาทีด้วยลิ้นของเขา สิ่งที่ผมสังเกตเห็นในตัวเขาวันนั้นตอนที่โต้เถียงกับเขา คือตาของเขาแคบลง มันแทบจะมีแต่ดวงตาสีดำ เป็นภาพที่น่ากลัวมาก ซึ่งผมเองก็เป็นนักสู้จากกลาสโกว์

หลังจากที่รอยเดินออกไป คาร์ลอสเห็นว่าผมผิดหวัง ไม่มีเหตุการณ์ใดๆในชีวิตของเขา ที่เขาได้เป็นสักขีพยานกับเรื่องอะไรแบบนี้ เขาบอกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดที่เกิดขึ้นในอาชีพการทำงานกับสโมสรฟุตบอล "เขาต้องไป คาร์ลอส" ผมพูดกับคาร์ลอส "เห็นด้วย 100% ครับ" คาร์ลอสตอบ "กำจัดเขาทิ้งไปซะ" ผมบอกคาร์ลอส

ผมไม่อยู่ที่สโมสรจนถึงวันพุธ แต่ผมโทรศัพท์คุยกับเดวิด กิลล์จากดูไบ และบอกกับเขาว่า "พวกเราต้องให้รอยออกไปจากทีม" การตอบสนองของเขาไม่มีอะไรมากเพราะผมไม่เหลือทางเลือกใดๆให้กับเขา เขาบอกกับผมว่าเขาต้องคุยกับเกลเซอร์ ผู้ซึ่งสามารถอนุมัติได้ ผมเห็นด้วยกับเดวิด กิลล์ในเรื่องที่สโมสรจะยอมจ่ายเงินค่าฉีกสัญญาของรอยและจัดแมตช์เกียรติยศให้กับเขา ไม่มีใครพูดได้ว่าพวกเราปฏิบัติกับรอยอย่างไม่เป็นธรรม 

หลังจากที่ผมกลับมาจากตะวันออกกลาง เดวิดบอกกับผมว่าเกลเซอร์จะเดินทางมาในวันศุกร์ และได้โทรศัพท์ไปบอกกับไมเคิ่ล เค็นเนดี้ว่าเราต้องการนัดคุยกับเขา พวกเราโทรศัพท์หาไมเคิ่ลและรอย และประกาศการตัดสินใจให้พวกเขารู้พร้อมกับรายละเอียดทั้งหมด 

รอยให้สัมภาษณ์ออกสื่อว่าเขาผิดหวัง ที่ผมไม่ได้เป็นคนยุติอาชีพการค้าแข้งของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วยตัวผมเอง แต่หลังจากการเผชิญหน้าครั้งนั้น ผมกับเขาจบกันแล้ว ไม่มีทางที่ผมอยากจะเปิดศึกอะไรกับเขาอีก หรือแม้กระทั่งเข้าไปมีส่วนร่วมอะไรกับเขาอีกครั้ง

ผมเดินออกมาในสนามซ้อม และบอกกับนักเตะคนอื่นๆ ผมสังเกตุเห็นสีหน้าสุดช็อคของพวกเขา

ผมรู้สึกมาเสมอว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในฐานะผู้จัดการทีมของผมคือการตัดสินใจที่รวดเร็ว โดยอ้างอิงจากความจริงที่โต้แย้งไม่ได้ จากความเชื่อมั่นของผม มันชัดเจนสำหรับผมมากว่าผมจะจัดการกับวิกฤติครั้งนี้อย่างไร หากผมเลี่ยงที่จะพูดความจริง มันคงจะเป็นการมอบความแข็งแกร่งในห้องแต่งตัวให้กับรอยมากขึ้น เขาจะมั่นใจในตัวเองมากขึ้นและคิดว่าเขาทำถูก เขาจะมีเวลาโน้มน้าวนักเตะคนอื่นๆมากขึ้นให้เชื่อว่าการกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่ สิ่งที่เขาทำมันผิดเต็มประตู

มีเรื่องราวมากมายให้เราย้อนมองกลับหลัง กระบวนการต่างๆมากมายเมื่อรอย คีนกลายเป็นอดีตนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในอันดับต้นๆของรายการก็คือฟุตบอลโลก 2002 และรอยบินกลับบ้านหลังมีปัญหากับมิค แม็คคาร์ธี่ย์ ผู้จัดการทีมชาติไอร์แลนด์ในตอนนั้น

มาร์ติน เฟอร์กูสัน น้องชายของผมได้พาผมไปเลี้ยงฉลองวันเกิดในสัปดาห์ที่ผมมีอายุครบ 60 ปี เย็นวันนั้นผมไม่ได้พกโทรศัพท์ไปด้วย แต่มาร์ตินเอาไป และเมื่อเราออกมา โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ไมเคิ่ล เค็นเนดี้บอกกับผมว่าเขาพยายามจะติดต่อกับผม ไมเคิ่ลบอกชัดว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในไซปัน สถานที่ซึ่งทีมชาติไอร์แลนด์เก็บตัวสำหรับลงแข่งขันฟุตบอลโลก "คุณต้องคุยกับเขา คุณเป็นคนเดียวที่เขาจะยอมรับฟัง" ไมเคิ่ลบอกกับผม ผมสับสน ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าอะไรที่ทำให้ไมเคิ่ลเครียดถึงขนาดนั้น เขาเล่าเรื่องราวการเผชิญหน้าระหว่างรอย และมิค แม็คคาร์ธี่ย์ให้ผมฟัง หมายเลขที่ไมเคิ่ลใช้โทรหาผมนั้นสัญญาณไม่ค่อยจะดี ผมได้เสนอให้รอยโทรศัพท์มาหาผมแทน

เสียงของคีนดังขึ้นในโทรศัพท์ "รอย นี่แกคิดอะไรของแกอยู่วะ? รอยปลดปล่อยความโกรธทั้งหมดของเขาใส่แม็คคาร์ธี่ย์ ผมพูดไปว่า "ใจเย็นๆ ขอฉันแนะนำอะไรหน่อยนะ แกไม่สามารถยอมให้ลูกๆของแกไปโรงเรียนทุกๆวัน โดยมีสิ่งนี้เป็นพื้นหลังในชีวิตของพวกเขา คิดถึงครอบครัวแก มันคงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ ลืมเรื่องบอลโลกรอบสุดท้ายไปเถอะ นี่จะกลายเป็นเรื่องราวที่ใหญ่โตที่สุดในซัมเมอร์นี้"

เขารู้ว่าผมพูดถูก ผมบอกให้เขากลับเข้าไปที่นั่นกับแม็คคาร์ธี่ย์สองคน จัดการเคลียร์เรื่องราวให้หมด และบอกว่าเขาพร้อมจะลงสนาม รอยเห็นด้วยกับผม แต่ในเวลาที่รอยกลับเข้าไป มิคได้จัดการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้สื่อมวลชนฟังหมดแล้ว ไม่มีหนทางใดที่จะทำให้รอยกลับไปได้อีก 


ผมปกป้องรอยเต็มที่ เพราะเขาเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยมาตรฐานที่สูงของพวกเรา การเข้าไปยังสถานที่ฝึกซ้อมที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยไม่มีชุดสำหรับใส่ฝึกซ้อม เป็นปัญหาที่สมเหตุสมผลที่เขาจะโกรธ และในฐานะกัปตันทีมเขามีเหตุผลทุกประการในการบ่นเรื่องนี้ คำถามเดียวในชีวิตก็คือคุณจะพกความไม่พอใจติดตัวไปกับคุณไกลแค่ไหนกัน?

ภายใต้สภาพของสิ่งต่างๆที่ย่ำแย่ในเกาหลี รอยไม่ควรแสดงความโกรธของเขาต่อผู้จัดการทีมไปถึงระดับนั้น แต่นั่นแหละคือรอย เขาเป็นคนที่สุดขั้วอยู่แล้ว

ผมปกป้องนักเตะของผมเสมอ และสำหรับรอยก็ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ นั่นคืองานของผม ด้วยเหตุผลนี้ผมไม่สามารถกล่าวคำขอโทษในสิ่งที่ยืนหยัดเพื่อเขาได้ มีหลายๆครั้งที่ผมคิดว่า "พระเจ้า นี่เรากำลังคิดอะไรอยู่?" เคธี่ยิงคำถามเดียวกันนี้ใส่ผมหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมไม่สามารถเลือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับนักเตะของผมได้ ผมต้องมองหาหนทางแก้ไขไม่ใช่ดัดนิสัยของเขาให้มันออกสู่สาธารณะ บางครั้งผมต้องปรับเงินพวกเขาหรือลงโทษพวกเขา แต่ผมไม่เคยปล่อยให้เรื่องราวหลุดออกไปจากห้องแต่งตัว หากทำแบบนั้นผมคงจะรู้สึกว่าผมทรยศต่อหลักการที่แน่วแน่ในการเป็นผู้จัดการทีมของผม การป้องกัน...ไม่สิ ไม่ใช่การป้องกัน แต่เป็นการปกป้องพวกเขาจากคำตัดสินของโลกภายนอก

ในวงการฟุตบอลสมัยใหม่ สถานะคนดังเข้ามาเอาชนะอำนาจของผู้จัดการทีม ในยุคของผม คุณไม่กล้ากระซิบอะไรสักคำเกี่ยวกับผู้จัดการทีมของคุณ คุณต้องกลัวคนพวกนั้นแทบตาย ในการทำงานช่วงหลังๆของผม ผมได้ยินข่าวเสมอเกี่ยวกับนักเตะที่ใช้พลังของพวกเขาต่อต้านผู้จัดการทีม ซึ่งนักเตะพวกนั้นจะได้รับการสนับสนุนจากสาธารณะชนหรือแม้กระทั่งตัวสโมสรเอง นักเตะมักจะบ่นถึงความไม่พอใจของพวกเขาไปให้ใครก็ตามที่สนใจอยากจะได้ยิน แต่ผู้จัดการทีมจะไม่ทำแบบนั้นเพราะพวกเขามีหน้าที่ความรับผิดชอบที่กว้างกว่า

ผมคิดว่ารอยตระหนักได้ว่าเขามาถึงช่วงเวลาสุดท้ายในอาชีพการค้าแข้ง และเริ่มคิดว่าตัวเองเป็นผู้จัดการทีม เขาทึกทักคิดว่ามันเป็นความรับผิดชอบของผู้จัดการทีมและแน่นอนว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่ความรับผิดชอบในการบริหารทีม การให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ของสโมสร และไล่จวกเพื่อนร่วมทีมของคุณ

ในการหยุดไม่ให้เทปออกอากาศ พวกเราช่วยเหลือรอยไม่ให้สูญเสียความเคารพจากนักเตะทุกๆคนในห้องแต่งตัว แต่หลังการเข้าพบกับผมในห้อง มันได้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต และกลายเป็นจุดจบของเขา

เรื่องหนึ่งที่ผมยอมไม่ได้ก็คือการสูญเสียการควบคุม เพราะว่าการควบคุมคือสิ่งที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้ได้สิ่งเดียว ในกรณีของเดวิด เบ็คแฮม ผมรู้ทันทีเมื่อนักฟุตบอลพยายามควบคุมสโมสร พวกเราทุกๆคนจะถึงจุดจบ นักเตะที่แท้จริงชอบอะไรแบบนั้น พวกเขาชอบผู้จัดการทีมที่แข็งกร้าว หรือสามารถเป็นแบบนั้นได้ 

พวกเขาชื่นชอบผู้จัดการทีมแมนๆ มีรางวัลตอบแทนจากสิ่งนั้น เหล่านักเตะจะคิดว่า "1.เขาจะทำให้เราเป็นผู้ชนะได้ไหม? 2.เขาจะช่วยให้ฉันเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้นได้ไหม? 3.เขาภักดีกับพวกเราไหม?" สิ่งเหล่านี้คือมุมมองสำคัญจากฝั่งนักเตะ หากว่าคำตอบทั้งหมดของคำถามคือคำว่าใช่ พวกเขาก็จะอดทนได้ ผมมีช่วงเวลาที่หงุดหงิดและลงใส่พวกเขาหลายครั้งหลังจบเกม และผมก็ไม่เคยภูมิใจกับการระเบิดอารมณ์ของผม บางค่ำคืนผมกลับไปนอนที่บ้านพร้อมความเกรงกลัวถึงเรื่องที่จะตามมา บางทีนักเตะอาจจะไม่ยอมคุยกับผมในสนามซ้อม บางทีพวกเขาอาจจะสุมหัวรวมตัวกันต่อต้านผม แต่เมื่อถึงวันจันทร์ พวกเขาจะเกรงกลัวผมมากกว่าที่ผมต้องเกรงกลัวพวกเขา เพราะว่าพวกเขาได้เห็นแล้วยามที่ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ และพวกเขาคงไม่อยากจะเห็นมันเกิดขึ้นอีก

รอยเป็นคนฉลาด ผมเห็นเขาอ่านหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่ม เขาเป็นคนที่คุยเก่ง และเป็นคนที่คุณอยากร่วมสังคมด้วยยามที่เขาอารมณ์ดี หลายๆครั้งที่นักกายภาพของทีมจะเข้ามาถาม "วันนี้รอยเค้าอยู่ในอารมณ์แบบไหน?" อารมณ์ของรอยคือตัวกำหนดอารมณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในห้องแต่งตัว เขามีอิทธิพลกับชีวิตประจำวันภายในทีมแบบนั้น

ความขัดแย้งในเรื่องอารมณ์ที่แกว่งไปมาของเขาอาจทำให้เขาเป็นคนที่มหัศจรรย์ และในอีกนาทีต่อมากลายเป็นปฏิปักษ์กับคุณได้ สวิตช์ต่อมอารมณ์ของเขาพร้อมสับลงทุกเมื่อ...


โปรดติดตามตอนต่อไป


Blogger templates