วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ฟุตบอล เป็นทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์


ที่กล่าวว่า.. ฟุตบอล เป็นทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์.. ในแง่ของ ศาสตร์ คือ มีการศึกษาทั้งด้าน กายภาพ ชีวภาพ และ จิตวิทยา.. มีแบบแผนการเล่น ที่ต้องศึกษาและเรียนรู้ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับ การฝึกซ้อม กลยุทธ์ในเกมการแข่งขัน เช่น โค้ช ต้องผ่านการฝึกอบรมการเป็นโค้ช และต้องได้รับ ใบประกาศรับรอง ที่เรียกว่า เอ, บี, ซี ไลเซนส์ จึงจะสามารถคุมทีมในระดับอาชีพได้..

ในแง่ของวิทยาศาสตร์กายภาพ เช่น การสร้างกล้ามเนื้อ และ ฟิตเนส เพื่อสร้างสมรรถนทางร่างกายให้แข็งแกร่งและอึด เพื่อที่จะสามารถวิ่งได้ครบ 90-120 นาที.. ด้านชีวภาพ เช่น เรื่องการโชนการ ในส่วนของอาหารที่มีประโยชน์ต่อนักฟุตบอล (ก่อนแข่ง และ หลังแข่ง) ส่วนในด้านจิตวิทยา เป็นหน้าที่ของหัวหน้าโค้ช หรือ ผู้จัดการทีม ที่มีหน้าที่กระตุ้นให้นักฟุตบอล มีสภาพจิตใจที่ฮึกเหิม มุ่งมั่นต่อชัยชนะ..

ในด้าน อารมณ์ และความรู้สึก.. ฟุตบอลสามารถสร้างอารมณ์ได้หลากหลาย ทั้งจากนักฟุตบอล โค้ช ผู้ตัดสิน และ แฟนบอล.. ที่เกิดจาก ความพ่ายแพ้ และ จากชัยชนะ รวมไปถึงภาพความประทับใจที่มาจากมิตรภาพ ถึงแม้ว่าจะสู้กันสะบั้นหั่นแหลกในสนาม ด้วยหน้าที่และความต้องการชนะ แต่เมื่อจบการแข่งขัน ทั้งสองฝ่ายก็เป็นเพื่อน สัมผัสมือ โอบกอดกัน ด้วยมิตรภาพ..

สุดท้าย คือ ศิลป์.. ซึ่งนักฟุตบอลระดับโลก นอกจากการฝึกซ้อมแล้ว ล้วนแต่มีพรสวรรค์เฉพาะตัว ที่มาจากการสร้างสรรค์โดยจินตนาการ เช่น เทคนิคการเล่นลูกฟุตบอลยากๆแบบต่างๆ เทคนิคการล่อหลอกเลี้ยงหลบคู่แข่ง การเคลื่อนไหวที่สวยงามของสรีระ ยกตัวอย่าง ซีเนดีน ซีดาน อัจฉริยะลูกหนังชาวฝรั่งเศส ที่ทั้งโลกยอมรับว่า มีเทคนิค ลีลาการเล่นที่พลิ้วไหว และสวยงาม.. และ อีกคน คือ เอริค คันโตน่า (ทีม แมน ยูฯ ศิลปินลูกหนังตลอดกาล ชาวฝรั่งเศส.. ผู้ที่มองฟุตบอลเป็นศิลป์ และเมื่อฟุตบอลในยุคหลังๆ มีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป มองว่าฟุตบอลหมดความสวยงาม หมดมนต์ขลัง เขาจึงไม่มีความสุขกับการเล่นฟุตบอล ประกาศเลิกเล่นฟุตบอล ในขณะที่กำลังโชว์ฟอร์มได้สุดยอด แบบช็อคทั้งวงการ..

ฮีโร่ของผม.. เอริค คันโตน่า.. คือคำตอบ ที่ฟุตบอลเป็นทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์.. มีมนสเหน่ห์ และ ได้รับความนิยม!!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Blogger templates